Wild Landscape
หน้าแรก เรื่องราวของตำบลตลาด แผนที่การท่องเที่ยวตำบลตลาด งานประเพณีและศิลปวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ชุมชน ทรัพยากรชีวภาพ: วัตถุดิบท้องถิ่น ตราผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ความประทับใจในตำบลตลาด ข้อมูลสร้างการเรียนรู้ของชุมชน ติดต่อเรา

ทรัพยากรชีวภาพ: วัตถุดิบท้องถิ่น

First slide

ว่านหางจระเข้

ทรัพยากรชีวภาพ วัตถุดิบท้องถิ่น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ว่านหางจระเข้

ชื่อวิทยาศาสตร์ Aloe vera (L.) Burm.f.

ชื่อพ้อง Aloe barbadensis Mill

ชื่อวงศ์  ASPHODELACEAE

ชื่อสามัญ Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados 

ชื่ออื่นๆ  ภาคเหนือ ว่านไฟไหม้   ภาคกลาง ว่านหางจระเข้, หางตะเข้

ถิ่นกำเนิด

เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ จัดอยู่ในตระกูลลิเลียม (Lilium) แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในคาบสมุทรอาหรับ สายพันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากกว่า 300 สายพันธุ์ ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีแตกต่างกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น

คำว่า "อะโล" (Aloe) เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้ ซึ่งแผลงมาจากคำว่า "Allal" มีความหมายว่า ฝาดหรือขมในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ ก็จะทำให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ในยุโรปและเอเชีย โดยปลูกเพื่อใช้ในการเกษตรและการแพทย์ รวมถึงสำหรับการตกแต่งและปลูกเป็นต้นไม้กระถาง

ลักษณะทั่วไปว่านหางจระเข้

ลำต้น
            ว่านหางจระเข้จัดเป็นกลุ่มของไม้ล้มลุก มีลำต้นประมาณ 0.5-1 เมตร และมีข้อปล้องสั้นๆสีเขียวนวล มีรูปร่างทรงกลม เปลือกมียางสีเหลืองและขอบใบมีหนาม
ใบ
            ว่านหางจระเข้ เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว และออกเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบ ต้นเรียงสลับซ้อนกัน ใบมีความกว้าง 5-12 เซนติเมตร และมียาว 30-80 เซนติเมตร ใบมีลักษณะอูม และอวบน้ำข้างในเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน และมีเมือกลื่น 
ดอก
            ดอกว่านหางจระเข้แทงออกเป็นช่อ บริเวณกลางต้นดอกจะมีสีแดงอมเหลืองเป็นหลอดๆตัวของดอกมี6กลีบ ความยาวของดอกประมาณ 2-3 เซนติเมตร กว้าง 0.5-1 เซนติเมตร ส่วนของก้านจะมีความยาวยาวประมาณ 40-90 เซนติเมตร  ด้านในมีเกสรตัวผู้ 6 อัน ด้านล่างสุดเป็นรังไข่ ว่านหางจระเข้จะออกดอกในช่วงฤดูหนาวของปีและออกดอกมากที่สุดแถวบริเวณภาคเหนือของประเทศไทย

ผิวสวย" "หน้าใส" ด้วยว่านหางจระเข้

การขยายพันธุ์ว่านหางจระเข้

การขายพันธุ์ของว่านหางจระเข้สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วย 3 วิธีหลักๆ ได้แก่

1.การเพราะเลี้ยงเนื้อเยื่อของว่านหางจระเข้ เหมาะสำหรับการปลูกเชิงพาณิชย์ และการปลูกขนาดใหญ่
2.การปลูกด้วยการแยกหน่อ หน่อที่สามารถแยกมาปลูกต้องมีขนาดสูง 10-15 เซนติเมตร เหมาะสำหรับการปลูกในแปลงขนาดใหญ่ และปลูกในครัวเรือน การไว้หน่อเพื่อการทำพันธุ์ ไม่ควรเกิน 2 หน่อต่อต้น
3.การปักชำ วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้กัน เพราะต้องตัดยอดหรือโคลนต้นทำให้ได้รับคาวมเสียหายฉีดขาดหรือแตกของก้านใบ จึงเป็นวิธีที่ไม่ค่อยนิยมกันมากนัก

            ว่านหางจระเข้จะสามารถเติบโตได้ดีในฤดูหนาว การปลูกควรเป็นดินปนทราย เพราะจะระบายน้ำได้ดี เพราะต้นว่านหางจระเข้ไม่ชอบน้ำมากและน้ำขัง ขุดหลุมลึกประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือใบไม้แห้งลงไปในก้นหลุม แล้วกลบดินให้เสมอโค่นต้น ระยะปลูกควรห่างกัน 50x70 เซนติเมตร ช่วงเดือนแรกควรให้น้ำทุกวัน หลังจากต้นติดดินแล้วควรให้น้าลดน้อยลง ไม่ควรใช้ยาฆ่าหญ้าหรือใช้ สารเคมีโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ต้นโตช้าและตายได้ง่าย หลังจาก 6-8 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตได้ ควรเก็บจากใบล่างไปหาใบบนและให้สังเกตใบจะไม่มีลาย ใบอวบ น้ำเต็ม ก็เป็นอันสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ควรเก็บ 2-6 ใบ ต่อต้น /ครั้ง ว่านหางจระเข้สามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละ 8 ครั้ง

ประโยชน์ทางยา

ใบ รสเย็น โขลกผสมสุราพอกฝี วุ้นจากใบล้างด้วยน้ำสะอาดทาหรือฝานบางๆ ปิดหรือทาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด วุ้นรับประทานแก้โรคกระเพาะ บำรุงร่างกาย แก้ร้อนใน ดูดพิษร้อนภายในร่างกาย

ต้น รสเย็นเอียน ดองสุราดื่มขับน้ำคาวปลา

ราก  รสขมขื่น รับประทานถ่ายโรคหนองใน แก้มุตกิด ช้ำรั่ว

ยางในใบ เป็นยาระบาย

น้ำวุ้นจากใบ ล้างด้วยน้ำสะอาด ฝานบางๆ รักษาแผลสดภายนอก น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ทำให้แผลเป็นจางลง ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด ทาผิวรักษาสิวฝ้า และขจัดรอยแผลเป็น

เนื้อวุ้น เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร

เหง้า  ต้มรับประทานแก้หนองใน โรคมุตกิด

การเพาะปลูก

ว่านหางจระเข้ปลูกง่าย โดยการใช้หน่ออ่อน ปลูกได้ดีในบริเวณทะเลที่เป็นดินทราย และมีปุ๋ยอุดมสมบูรณ์ดี จะปลูกเอาไว้ในกระถางก็ได้ ในแปลงปลูกก็ได้ ปลูกห่างกันสัก 1-2 ศอก เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก แต่ต้องมีการระบายน้ำดีพอ มิฉะนั้นจะทำให้รากเน่าและตาย ว่านหางจระเข้ชอบแดดรำไร ถ้าถูกแดดจัดใบจะเป็นสีน้ำตาลแดง และอีกวิธีสามารถนำเมล็ดไปปลูกในกระถางต้นไม้ได้อีกด้วย

การรักษาแผล

ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) ที่เรารู้จักกันดีว่ามีส่วนในการรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลสด ช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน มีส่วนช่วยในแก้รักษาแผลผ่าตัดเช่นกัน  ว่านหางจระเข้ มีฤทธิ์สมานแผลการที่แผลหายเร็วขึ้น เนื่องจากในว่านหางจระเข้มีส่วนช่วยเร่งให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเพื่อซ่อมแซมผิวให้ดีขึ้น หรือหากนำว่านหางจระเข้ไปสกัดเป็นน้ำ เมื่อนำไปใช้ในการรักษาแผลผ่าตัด พบว่าช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น หรือหากใครที่รอยแผลแล้วเมื่อใช้จะช่วยขจัดรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้น ทำให้แผลแลดูจางลง                                                              นอกจากจะช่วยในเรื่องของการสมานแผลแล้ว ว่านหางจระเข้ยังมีการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อลดการอักเสบ เราจึงเห็นผลิตภัณฑ์ที่นำประโยชน์ของว่านหางจระเข้ไปเป็นส่วนผสมในรูปแบบต่างๆ ทั้งครีมทารักษาโรคผิวหนังและแผลอักเสบ  ที่ช่วยรักษาการอักเสบของผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน  หรือการทำเป็นโลชั่นโดยมีส่วนประกอบของวุ้นว่านหางจระเข้ เป็นต้น

ประโยชน์และสรรพคุณว่านหางจระเข้

  1. ช่วยบรรเทาโรคกระเพาะอาหาร
  2. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
  3. ช่วยรักษาแผลลำไส้อักเสบ
  4. แก้ท้องผูก
  5. ใช่เป็นยาระบาย
  6. ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
  7. ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการเผาพลาญอาหาร
  8. ช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดมีระดับคงที่ไม่ให้สูงเกินไป
  9. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
  10. ช่วยให้ไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
  11. ลดอาการที่เสี่ยงต่ออาการเส้นเลือดในสมองแตก
  12. ช่วยรักษาแผลไฟไหม้
  13. ช่วยทำให้แผลแห้งและหายไว
  14. ช่วยรักษาแผลสดให้แห้งไว
  15. ช่วยในการห้ามเลือด
  16. ช่วยบำรุงร่างกาย
  17. ช่วยบำรุงสายตา
  18. แก้อาการสายตาพล่ามัว
  19. ช่วยแก้อาการเมารถได้
  20. แก้อาการนอนไม่หลับ
  21. ช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น
  22. เนื้อของวุ่นว่านหางจระเข้รักษาโรคผิวหนัง
  23. ช่วยฆ่าเชื้อราตามผิวหนัง
  24. ช่วยขจัดรอยแผลเป็น ทำให้แผลเป็นจางลง
  25. ช่วยรักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต
  26. ช่วยรักษาอาการผิวหนังไหม้จากแสงแดด หรือไหม้เกรียมจากการฉายรังสี หรือแผลเรื้อรังจากการฉายรังสี
  27. ช่วยรักษาโรคเรื้อนกวางหรือ
  28. ช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงิน

         นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังสามารถนำมาแปรูปแบบต่างๆได้อีกเช่น 1.อาหาร ก็นำว่านหางจระเข้มาทำพล่าวุ้นว่านหางจระเข้ทะเล 2.อาหารหวานนำมาทำว่านหางจระเข้ลอยแก้ว วุ้นว่านหางจระเข้น้ำกะทิ 3.เครื่องดื่มนำมาทำน้ำว่านหางจระเข้สมูทตี้ น้ำว่านหางจระเข้ 4.อาหารเสริมว่านหางจระเข้ เป็นต้น และจัดเป็น สมุนไพรชนิดหนึ่งที่นํามาใช้เป็นยารักษาโรคได้ในทุกวันนี้

รูปแบบขนาดและวิธีการใช้

  • การเลือกใช้ใบจากต้นว่านหางจระเข้จะต้องมีอายุประมาณ 1 ขึ้นไป และใช้ใบข้างล่างสุดที่มีรูปล่างอ้วน อวบ เปล่ง อันเป็นใช้ได้
  • จากการวิจัยวุ้นของว่านหางจระเข้ไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่ปลอกเปลือกโดยใช้เทคนิคปลอดเชื้อ Aseptic technique เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ
  • ก่อนที่จะนำยางของว่านหางจระเข้มาใช้ในการรักษาแผลก็ควรจะล้างก่อน เพื่อป้องกันน้ำยางจากเปลือกมีสารแอนทราควิโนนที่ติดอยู่ เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการคันหรือแพ้ได้
  • เมื่อตัดต้นว่านหางจระเข้มาแล้วควรที่จะใช้โดยทันทีภายใน 6 ชั่วโมงเพราะจะมีคุณค่าทางยาที่ดีและจะได้คุณภาพที่สูงสุด

การศึกษาทางเภสัชวิทยา

จากการนำสารที่ออกฤทธิ์ในว่านหางจระเข้มาทดลองในผู้ป่วยที่มีแผลในกระเพาะอาหารจำนวน 12 ราย โดยนำน้ำวุ้นว่านหางจระเข้มาเตรียมให้อยู่ในรูปแบบ emulsion จากนั้นให้ผู้ป่วยรับประทานครั้งละ 2 - 2.5 ออนซ์ (1 fluid ounce เท่ากับ 30 มิลลิลิตร) ปรากฎว่าผู้ป่วยทุกรายหาย  เชื่อว่ามีสารออกฤทธิ์ traumatic acid ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่พบในพืช ติดอยู่กับวุ้นในใบว่านหางจระเข้ (มิวซิเลจ) โดยที่ออกฤทธิ์ช่วยลดการหลั่งของกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ส่วนสาร manuronic และ glucuronic acid ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดแผลในกระเพราะอาหาร

จากการนำขี้ผิ้งที่สกัดมาจากว่านหางจระเข้ ไปทารักษาผู้ที่มีแผลถลอก ปรากฏว่าแผลแห้งตัวได้ดี และไม่ติดเชื้อ จากการทดลองนี้มีการนำเอาขี้ผิ้งที่สกัดจากว่านหางจระเข้มาใช้ในการรักษาสิวเพราะช่วยในการซ่อมแซมผิวได้ดีขึ้นm ได้มีการวิจัยในผู้ป่วย 38 ราย โดยใช้ยางสดของว่านหางจระเข้ ปรากฎว่าได้ผลร้อยละ 95 เมื่อเปรียบเทียบกับยาทาแผลป้องกันการติดเชื้อ silver sulfadiazine ที่ได้ผลเพียงแค่ร้อยละ 83  โดยแผลหายในเวลา 13 ± 2.41 วัน และ 16.15 ± 1.98 วัน ตามลำดับ จากรายงานผลการรักษาในคนไข้ 27 ราย เปรียบเทียบกับ vaseline พบว่าหายในเวลา 11.89 วัน และ 18.19 วันตามลำดับ

การศึกษาทางพิษวิทยา

เมื่อป้อนว่านหางจระเข้ให้หนูแรทสายพันธุ์ Sprague-Dawley เพศผู้  ในขนาด 92.5 มก./กก. ไม่พบพิษ  แต่เมื่อผสมผงว่านหางจระเข้ในอาหารให้หนูแรทกิน ปรากฎว่าหนูมีอาการท้องเสีย เมื่อผสมสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ 95 ในน้ำ แล้วป้อนให้หนูเม้าส์กินในขนาด 3 กรัม/กิโลกรัม ไม่พบพิษ แต่ถ้าให้หนูเม้าส์กินในขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน พบว่ามีอาการพิษรวมทั้งมีขนร่วงและการเสื่อมของอวัยวะเพศ และได้มีการศึกษาต่อมาได้มีรายงานผลของสารกลุ่ม anthraquinone ซึ่งจะออกมากับกระบวนการสกัด hydroxyanthraquinone กระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของมะเร็ง ผู้ป่วยที่เป็นโรคดีซ่านเสียชีวิตเมื่อรับประทานยาซึ่งมียาดำ โกฐน้ำเต้า และมะขามแขก การชันสูตรพบว่าตับได้ถูกทำลาย และมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อไต ม้าม หัวใจ และปอด ทำให้ท้องเสียอย่างรุนแรง และยังพบว่าเมื่อฉีด aloin เข้าใต้ผิวหนังสุนัขในขนาด 0.10 – 0.12 ก./กก.  ทำให้สุนัขเป็นไข้เป็นเวลา 24 ช.ม. และเกิดอาเจียนอย่างรุนแรง

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

  • ไม่ควรใช้ในหญิงที่ตั้งครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร
  • การรับประทานในปริมาณมากทำให้เกิดความผิดปกติที่เฉียบพลันของระบบทางเดินอาหารได้
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดรุนแรงไม่ควรรับประทาน
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงไม่ควรรับประทาน
  • การนำวุ้นใสของว่านหางจระเข้มาทาผิวหน้า หรือเส้นผม ต้องล้างน้ำยางสีเหลืองออกให้หมด เพราะจะเกิดอาการระคายเคืองได้หรือถึงขั้นอาการแพ้ย่างรุนแรงได้
  • ผู้ที่มีอาการแพ้หรือโรคที่ระบุไว้ด้านบนควรได้รับการปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะนำมาใช้ 

อ้างอิง

https://www.disthai.com/ข้อมูลและรูปภาพว่างหางจระเข้

วีดีโอเพิ่มเติม : https://www.youtube.com/watch?v=zOxHf0eB5Lk